บทนี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการติดตั้ง, การตั้งค่า และการจัดการฮาร์ดแวร์ของชุดติดต่อสื่อสาร เช่น VOCOM
ปลดสาย USB ออกจากชุด VOCOM เสมอเมื่อไม่ได้ใช้งาน
ห้ามเก็บสายโดยพันรอบชุด VOCOM
รัศมีการโค้งงอของสายต่ำสุดที่แนะนำอยู่ที่ประมาณ 6 ซม. (ดูข้อมูลเปรียบเทียบในซีดี)
เริ่มการทำงานโดยการเปิดใช้งานแล็ปท็อป และติดเครื่องรถ
ตรวจสอบว่าใช้สายเคเบิลที่ถูกต้องหรือไม่ คลาสผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันจะใช้อินเตอร์เฟสและสายอะแดปเตอร์สำหรับเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน ตารางด้านล่างจะแสดงว่าอินเตอร์เฟสและสายอะแดปเตอร์แบบใดที่สามารถใช้เพื่อเชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์แต่ละคลาสที่แตกต่างกันได้
หมายเหตุ: เนื้อหาในตารางอาจใช้ไม่ได้ในบางตลาด
โมเดล / อินเตอร์เฟส | 88890300 | 88890020 |
---|---|---|
FH(4) - FM(4) / FL(3) - FE(3) |
88890253 |
88890026 |
FH – FM |
88890306 |
88890027 |
FL - FE |
88890253 |
88890026 |
PC => อินเตอร์เฟส |
88890313 |
ไม่มีชิ้นส่วนอะไหล่ของ Volvo |
โมเดล / อินเตอร์เฟส | 88890300 | 8889020 |
---|---|---|
สายเคเบิลสำหรับตั้งโปรแกรมโดยตรง |
88890306 (สายเคเบิล FCI) |
88890027 |
VMAC I,II,III / VE98 (6 ขา) |
88890302 (88890315) + 88890257 (อะแดปเตอร์ 9 ขา ถึง 6 ขา) |
88890034 + 88890257 (อะแดปเตอร์ 9 ขา ถึง 6 ขา) |
US04 ถึง US10 (9 ขา) |
88890302 > 88890315 |
88890034 |
US10 + OBD2013 และที่ใหม่กว่า |
88890253 |
88890026 |
สายเคเบิล USB |
88890313 |
สายเคเบิล USB แบบทั่วไป |
นี่เป็นสิ่งที่ควรปรากฏขึ้นในครั้งแรกที่คุณเชื่อมต่อชุดสื่อสารกับคอมพิวเตอร์
รูปภาพในคำแนะนำในการติดตั้งใช้เป็นภาพประกอบเท่านั้น กล่องโต้ตอบและหน้าต่างแบบผุดขึ้นจริงอาจมีลักษณะแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ชุดติดต่อสื่อสารและ Windows รุ่นใด
หน้าต่างขนาดเล็กที่มุมล่างด้านขวาจะระบุว่า กำลังติดตั้งซอฟต์แวร์โปรแกรมควบคุมอุปกรณ์
หลังจากนั้น จะปรากฏหน้าต่างป็อพอัพขนาดเล็กขึ้นที่มุมล่างขวา และระบุว่าได้ติดตั้งฮาร์ดแวร์ใหม่และพร้อมที่จะใช้งานแล้ว
ชุดติดต่อสื่อสารมีไฟ LED สีต่างๆ อยู่จำนวนหนึ่ง ไฟ LED เหล่านี้จะแสดงสถานะของชุดติดต่อสื่อสารและแจ้งการเตือนต่างๆ สำหรับภาพรวม โปรดดูตารางด้านล่างนี้
LED | ไอคอน | คำอธิบาย |
---|---|---|
สีเขียว |
![]() |
ชุดสื่อสารได้รับไฟฟ้าผ่านทางพอร์ท USB ไฟ LED กระพริบในระหว่างการสื่อสาร หากไฟ LED นี้ และข้อความสีแดง ความผิดพลาดร้ายแรง กะพริบ แสดงว่าซอฟต์แวร์ภายในมีข้อบกพร่องหรือหายไปหมดเลย ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ |
สีเขียว |
![]() |
ชุดสื่อสารได้รับไฟฟ้าผ่านทางพอร์ท USB |
สีน้ำเงิน |
![]() |
WLAN ทำงาน ไฟ LED จะแสดงความแรงของสัญญาณวิทยุ ความแรงต่างระดับต่างๆ ถูกระบุโดยการติดของไฟ LED ระหว่าง เปิด และ ปิด ยิ่งไฟ LED ติดถี่เท่าไหร่ แสดงว่าสัญญาณวิทยุยิ่งดี |
สีเหลือง |
![]() |
LED จะติดสว่างเมื่อ SmartCable เชื่อมต่ออยู่ |
สีเหลือง |
![]() |
กรณีนี้อาจขึ้นอยู่กับเหตุการณ์สองเหตุการณ์:
|
สีแดง |
![]() |
มีการตรวจพบข้อผิดพลาดร้ายแรงในชุดสื่อสาร ดำเนินการดังต่อไปนี้:
หากไฟ LED นี้ และข้อความสีเขียว Power USB / Communication กะพริบ แสดงว่าซอฟต์แวร์ภายในมีข้อบกพร่องหรือหายไปหมดเลย ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ |
LED | ข้อความบนป้าย | คำอธิบาย |
---|---|---|
สีเขียว |
ไฟจ่าย USB / สื่อสาร |
ชุดสื่อสารได้รับไฟฟ้าผ่านทางพอร์ท USB ไฟ LED กระพริบในระหว่างการสื่อสาร หากไฟ LED นี้ และข้อความสีแดง ความผิดพลาดร้ายแรง กะพริบ แสดงว่าซอฟต์แวร์ภายในมีข้อบกพร่องหรือหายไปหมดเลย ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ |
สีเขียว |
การให้ไฟฟ้าแก่ผลิตภัณฑ์ |
ชุดสื่อสารได้รับไฟฟ้าผ่านทางพอร์ท USB |
สีน้ำเงิน |
WLAN |
WLAN ทำงาน ไฟ LED จะแสดงความแรงของสัญญาณวิทยุ ความแรงต่างระดับต่างๆ ถูกระบุโดยการติดของไฟ LED ระหว่าง เปิด และ ปิด ยิ่งไฟ LED ติดถี่เท่าไหร่ แสดงว่าสัญญาณวิทยุยิ่งดี |
สีเหลือง |
เตือนข้อผิดพลาด |
มีการตรวจพบข้อผิดพลาดในชุดสื่อสาร สำหรับวิธีอ่านข้อมูล โปรดดูใน คำอธิบายรหัสข้อบกพร่อง เชื่อมต่อสาย USB ระหว่างคอมพิวเตอร์และชุดสื่อสารก่อนอ่านค่า ข้อผิดพลาดเหล่านี้ไม่วิกฤติ |
สีเหลือง |
การเตือนอุณหภูมิ |
อุณหภูมิของชุดติดต่อสื่อสารอยู่นอกช่วงที่อนุญาต (-40°C (-40°F) ถึง +85°C (+185°F)) อุ่นหรือทำความเย็นชุดอุปกรณ์โดยการวางไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ หมายเหตุ: ถ้าชุดอุปกรณ์มีฟังก์ชัน WLAN ติดตั้งอยู่ ช่วงอุณหภูมิที่อนุญาตคือ 0°C (32°F) ถึง +45°C (113°F) เมื่อเชื่อมต่อสาย USB ระบบจะตัดการเชื่อมต่อ WLAN ออก และช่วงอุณหภูมิที่อนุญาตจะกลายเป็น -40°C (-40°F) ถึง +85°C (+185°F) แทน |
สีแดง |
ผิดพลาดรุนแรง |
มีการตรวจพบข้อผิดพลาดร้ายแรงในชุดสื่อสาร ดำเนินการดังต่อไปนี้:
หากไฟ LED นี้ และข้อความสีเขียว Power USB / Communication กะพริบ แสดงว่าซอฟต์แวร์ภายในมีข้อบกพร่องหรือหายไปหมดเลย ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคของคุณเพื่อขอความช่วยเหลือ |
หมายเหตุ: ไฟ LED ทั้งหมดติดในระหว่างการเปิดชุดสื่อสาร นี่เป็นการตรวจสอบว่าไฟ LED ทั้งหมดทำงาน
Communication Unit Monitor คือแอ็พพลิเคชันที่ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์และไดรเวอร์ของชุดสื่อสารตรงกันหรือไม่
ไอคอน | สถานะของมอนิเตอร์ชุดสื่อสารในแถบงาน |
---|---|
![]() |
แสดงผลเมื่อ Communication Unit Monitor แอ็คทีฟ |
![]() |
แสดงผลเมื่อซอฟต์แวร์ในชุดสื่อสารถูกอัพเดท |
เมื่อเชื่อมต่อชุดสื่อสาร ระบบติดตามของของชุดสื่อสาร จะตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ในชุดสื่อสารและไดรเวอร์ทำงานร่วมกันได้หรือไม่ หากใช้ร่วมกันไม่ได้ จะมีข้อความแสดงขึ้นเพื่อแจ้งว่าต้องทำการอัพเดทซอฟต์แวร์
ปัญหาต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นได้ในบางครั้งขณะใช้งานชุดสื่อสาร 88890020:
จะพบรหัสข้อบกพร่องสำหรับชุดสื่อสารในกล่องโต้ตอบ สถานะ คุณจะพบตัวเลือกสถานะเมื่อคุณได้เลือก การกำหนดค่า ของชุดสื่อสารผ่านทางกล่องโต้ตอบการตั้งค่า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู การตั้งค่า ตารางข้างล่างเป็นรายการรหัสความผิดปกติ สาเหตุของรหัสความผิดปกติและการดำเนินการแก้ไขรหัสความผิดปกติ
รหัสข้อผิดพลาด | สาเหตุ | การดำเนินการ |
---|---|---|
1 |
ข้อบกพร่องในหน่วยความจำแฟลชของโปรแกรม |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
2 |
ข้อบกพร่องในหน่วยความจำแฟลชของโปรแกรมเริ่มระบบ |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
3 |
ข้อบกพร่องในหน่วยความจำแฟลชของพารามิเตอร์ |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
4 |
หน่วยความจำแฟลชของพารามิเตอร์ชำรุด |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
5 |
ข้อผิดพลาดของ RAM ภายใน |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
6 |
ข้อผิดพลาดของ RAM ภายนอก |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
7 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นเมื่อเข้าถึงชิป USB |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
8 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นเมื่อเข้าถึงเซ็นเซอร์อุณหภูมิ |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
9 |
ไม่สามารถเข้าถึงบัสแบบอนุกรม SDIO ได้ |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
10 |
ไม่สามารถเข้าถึงบัสแบบอนุกรม SPI ได้ |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
11 |
มีข้อบกพร่องใน CPU |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
12–19 |
มีข้อบกพร่องของฮาร์ดแวร์ |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
20 |
ตรวจพบข้อบกพร่องของระบบจ่ายไฟโดยชุดสื่อสาร |
ตรวจสอบแหล่งจ่ายไฟของชุดสื่อสารก่อน ถ้าแหล่งจ่ายไฟเป็นปกติ โปรดส่งชุดติดต่อสื่อสารไปรับการซ่อม |
21 |
แรงดันไฟเลี้ยงต่ำเกินไป |
ตรวจเช็คแรงดันไฟฟ้าที่ต่อไปยังชุดสื่อสาร |
22 |
แรงดันไฟเลี้ยงสูงเกินไป |
ตรวจเช็คแรงดันไฟฟ้าที่ต่อไปยังชุดสื่อสาร |
23 |
อุณหภูมิต่ำเกินไป |
เปิดชุดสื่อสารให้ทำงานล่วงหน้า แล้วลองอีกครั้ง |
24–25 |
อุณหภูมิสูงเกินไป |
ให้ชุดสื่อสารเย็นลงและลองอีกครั้ง |
26–29 |
มีข้อบกพร่องในสภาพแวดล้อมรอบชุดสื่อสาร |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
30 |
ไม่มีแหล่งจ่ายไฟ USB |
ตรวจสอบสาย USB ถ้าเป็นปกติ โปรดส่งชุดติดต่อสื่อสารไปรับการซ่อม |
31 |
ไฟกระชากที่พอร์ต USB #1 |
ชุดอุปกรณ์ USB ที่พอร์ต 1 ใช้ไฟมากเกินไปและถูกปิดการทำงานแล้ว |
32 |
ไฟกระชากที่พอร์ต USB #2 |
ชุดอุปกรณ์ USB ที่พอร์ต 2 ใช้ไฟมากเกินไปและถูกปิดการทำงานแล้ว |
33 |
ไม่รองรับชุดอุปกรณ์ USB ที่พอร์ต #1 |
ซอฟต์แวร์นี้ไม่รองรับชุดอุปกรณ์ USB ที่พอร์ต 1 เปลี่ยนซอฟต์แวร์หรือหาชุดที่รองรับ |
34 |
ไม่รองรับชุดอุปกรณ์ USB ที่พอร์ต #2 |
ซอฟต์แวร์นี้ไม่รองรับชุดอุปกรณ์ USB ที่พอร์ต 2 เปลี่ยนซอฟต์แวร์หรือหาชุดที่รองรับ |
35–39 |
มีข้อบกพร่องในการเชื่อมต่อ USB |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
40 |
ไม่สนับสนุนการ์ด SD |
เปลี่ยนการ์ด SD |
41 |
ข้อบกพร่องเมื่อเข้าถึงการ์ด SD |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นขณะอ่านหรือเขียนข้อมูลลงในการ์ด SD เปลี่ยนการ์ด SD |
42 |
การ์ด SD เต็ม |
ลบข้อมูลจากการ์ด SD หรือเปลี่ยนไปใช้การ์ดอื่น |
43–49 |
มีข้อบกพร่องเกิดขึ้นกับการ์ด SD |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
50 |
ไม่มีการ์ด WLAN |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
51 |
การ์ด WLAN ทำงานไม่ถูกต้อง |
ส่งชุดสื่อสารเพื่อทำการซ่อม |
52 |
ไม่มีสถานีแม่ข่ายที่สามารถเข้าถึงได้ |
ย้ายชุดสื่อสารไปยังตำแหน่งที่มีการรับสัญญาณชัดเจนกว่า |
53 |
สัญญาณ WLAN อ่อนเกินไป |
ย้ายชุดสื่อสารไปยังตำแหน่งที่มีการรับสัญญาณชัดเจนกว่า |
54 |
ตัวจัดการ WLAN ตรวจพบข้อบกพร่อง |
เริ่มการทำงานของชุดสื่อสารอีกครั้ง |
55 |
ตรวจพบข้อบกพร่องในระหว่างการตรวจสอบเครือข่าย |
ตรวจสอบการตั้งค่า และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครือข่ายมีการกำหนดค่าพารามิเตอร์ที่ถูกต้อง |
56–59 |
ตัวจัดการ WLAN ตรวจพบข้อบกพร่อง |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
60 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ |
ตรวจสอบวิธีการตรวจสอบและรหัสความปลอดภัยดังกล่าว |
61 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการเข้ารหัส |
ตรวจสอบวิธีการเข้ารหัสและรหัสความปลอดภัยดังกล่าว |
62–65 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในระบบจัดการความปลอดภัย |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
66 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นเมื่อเข้าถึงพอร์ต TCP/IP |
พอร์ทอาจถูกเปิดให้รับ-ส่งข้อมูลอยู่แล้ว เริ่มการทำงานของชุดสื่อสารอีกครั้ง |
67 |
มีความขัดแย้งของ TCP/IP ในเครือข่าย |
เปลี่ยนหมายเลข TCP/IP เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ |
68 |
เกินกำหนดเวลาในระหว่างรอแพคเก็ต TCP/IP |
การสื่อสารเสียหาย รหัสข้อบกพร่องนี้ใช้สำหรับการตรวจหาข้อบกพร่องเท่านั้น ดำเนินการต่อไปโดยใช้ชุดสื่อสารตามปกติ |
69 |
มีการรายงานข้อบกพร่องจากสแต็ค TCP/IP |
เริ่มการทำงานของชุดสื่อสารอีกครั้ง |
70–75 |
มีข้อบกพร่องที่เกี่ยวกับสแต็ค TCP/IP |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
76 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในการสื่อสารของ SAE J1708 |
ตรวจหาการลัดวงจรในเครือข่าย ถ้าไม่มี ให้เปลี่ยนชุดติดต่อสื่อสาร |
77 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในการสื่อสารของ ISO 9141 |
ตรวจหาการลัดวงจรในเครือข่าย ถ้าไม่มี ให้เปลี่ยนชุดติดต่อสื่อสาร |
78 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในการสื่อสารของ ISO 9141 5 โวลต์ |
ตรวจหาการลัดวงจรในเครือข่าย ถ้าไม่มี ให้เปลี่ยนชุดติดต่อสื่อสาร |
79 |
ข้อบกพร่องเกิดขึ้นในการสื่อสารของ CAN |
ตรวจหาการลัดวงจรในเครือข่าย ถ้าไม่มี ให้เปลี่ยนชุดติดต่อสื่อสาร |
80 |
ID เข้าสู่ระบบไม่ถูกต้อง |
ป้อนรหัส ID เข้าสู่ระบบไม่ถูกต้อง เมื่อเริ่มระบบการสื่อสาร |
81–89 |
มีข้อบกพร่องโดยทั่วไปเกิดขึ้น |
ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิคเพื่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติม |
เชื่อมต่ออุปกรณ์ VOCOM II เข้ากับช่องเสียบ USB ของเครื่อง PC อุปกรณ์จะพร้อมสำหรับการติดต่อสื่อสารเมื่อไฟ LED แสดงสถานะการติดต่อสื่อสารของเครื่อง PC ติดสว่างเป็นสีเขียว
เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ VOCOM II ใหม่เป็นครั้งแรก การตั้งค่าไดรเวอร์ของอุปกรณ์ Windows จะทำงาน:
หมายเหตุ: เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ VOCOM II เป็นครั้งแรก การติดตั้งอุปกรณ์อาจใช้เวลาหลายนาที เนื่องจากคุณสมบัติ "การติดตั้งไดรเวอร์" โดยเฉพาะของ Windows
ในระหว่างการติดตั้งไดรเวอร์ของอุปกรณ์ คุณจะเห็นการแจ้งด้วยแถบงานที่สอดคล้องกัน ถ้าการติดตั้งไดรเวอร์ของอุปกรณ์เป็นผลสำเร็จ การแจ้งด้วยแถบงานจะแสดงขึ้น:
ถ้าไม่สามารถติดตั้งไดรเวอร์ของอุปกรณ์ได้ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ให้ลองอีกครั้งโดยการปลดสาย VOCOM II ออกจากช่องเสียบ USB และต่อเข้ากับช่องเสียบ USB ช่องอื่น หรือลองเริ่มระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่
หมายเหตุ: เพื่อให้ฮาร์ดแวร์ VOCOM II สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง จะต้องตั้งกฎสำหรับไฟร์วอลล์ต่อไปนี้ สำหรับไฟร์วอลล์มาตรฐานของ Windows ตัวติดตั้ง VOCOM II Windows จะเพิ่มกฎเหล่านี้โดยอัตโนมัติในระหว่างกระบวนการติดตั้ง
กฎ | การตั้งค่า |
---|---|
VOCOM II CAST |
|
VOCOM II HTTP |
|
VOCOM II RP1210 |
|
VOCOM II J2534 |
|
IPv6 | เปิดใช้งานแล้ว |
แอพพลิเคชั่นการกำหนดค่าจะมีคุณสมบัติทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการกำหนดค่าและการอัพเดตอุปกรณ์ VOCOM II
แอพพลิเคชั่นการกำหนดค่า VOCOM II เริ่มจาก การตั้งค่า >ชุดติดต่อสื่อสาร แท็บ > การกำหนดค่า หรือจากเมนู Windows Start: เริ่มต้น > โปรแกรมทั้งหมด > แอพพลิเคชั่นการกำหนดค่า VOCOM II
ท่านสามารถเข้าถึง การตั้งค่า จากเมนู Tech Tool หรือจากทางลัดในแถบเครื่องมือ Tech Tool ที่อยู่ในแท็บ ผลิตภัณฑ์
สำหรับอุปกรณ์ VOCOM II แต่ละอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน จะมีรายการอุปกรณ์รายการเดียวที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ:
อุปกรณ์ VOCOM II แต่ละอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งานจะแสดงอยู่ใน 'รายการอุปกรณ์' ที่จะแสดงขึ้นอยู่ตลอดเวลาทางด้านซ้ายของแอพพลิเคชั่น
หมายเหตุ: นี่เป็นแท็บเริ่มต้นเมื่อเปิดแอพพลิเคชั่น หรือเมื่อเลือกอุปกรณ์อื่นในรายการ
หมายเหตุ: รายการอุปกรณ์จะได้รับการอัพเดตอยู่ตลอดเวลา และจะอัพเดตประเภทการเชื่อมต่อเมื่อประเภทของการเชื่อมต่อเปลี่ยนแปลงไป หรือแสดงอุปกรณ์ใหม่เมื่ออุปกรณ์นั้นพร้อมใช้งาน
เฟิร์มแวร์จะอัพเดตอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่าน USB และขณะที่เฟิร์มแวร์อัพเดตเสร็จ จะมีข้อความแจ้งให้ทราบในแถบเครื่องมือ
หมายเหตุ: อย่าปลดขั้วต่อ VOOCOM II ในระหว่างการอัพเดตเฟิร์มแวร์
หมายเหตุ: โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า VOCOM II เชื่อมต่ออยู่กับ USB และพร้อมทำงาน
เปิดแอพพลิเคชั่นการกำหนดค่า VOCOM II และทำการตั้งค่าอุปกรณ์แบบพื้นฐาน การตั้งค่าอุปกรณ์ VOCOM II แบบพื้นฐานประกอบด้วยขั้นตอนต่อไปนี้:
สามารถตั้งชื่อแบบกำหนดเองให้แก่อุปกรณ์แต่ละตัวเพื่อช่วยในการระบุอุปกรณ์นั้นๆ ได้
โดยค่าเริ่มต้น ชื่ออุปกรณ์ จะถูกตั้งเป็น Vocom2-[หมายเลขลำดับการผลิต] เช่น Vocom2–12345678
ในการเปลี่ยน ชื่ออุปกรณ์ คุณจำเป็นต้อง:
หมายเหตุ: ชื่ออุปกรณ์ จะแสดงขึ้นใน 'รายการอุปกรณ์'
การแม็ปอุปกรณ์ RP1210 เป็นตัวเลือกที่จะทำหรือไม่ก็ได้ การกำหนด RP1210 DeviceID ให้กับอุปกรณ์ VOCOM II ที่เชื่อมต่ออยู่สามารถทำได้ดังต่อไปนี้:
หลังจากเปลี่ยนตาราง 'การแม็ปอุปกรณ์' ให้คลิก บันทึก แล้วคลิก ปิด ไม่จำเป็นต้องเริ่มการทำงานใหม่
ผู้ใช้ Tech Tool ไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ใน 'การแม็ปอุปกรณ์' Tech Tool จะใช้ DeviceID 1 เสมอ
ในการทำการติดต่อสื่อสารเพื่อทำการวินิจฉัยข้อบกพร่องโดยใช้ RP1210 และการอัพเดตซอฟต์แวร์ผ่าน WLAN อุปกรณ์ VOCOM II อุปกรณ์นั้นจะต้องได้รับการจับคู่กับเครื่อง PC ที่เป็นโฮสต์
หมายเหตุ: การจับคู่ (อีกครั้ง) จะสามารถทำได้กับอุปกรณ์ VOCOM II ที่เชื่อมต่อผ่าน USB เท่านั้น
หมายเหตุ: คอมพิวเตอร์ที่จับคู่ไว้แล้วในปัจจุบันจะแสดงขึ้นบนแถบสถานะสีดำในช่องข้อมูล 'ID ของไคลเอนต์' เสมอ
รหัสข้อผิดพลาดของอุปกรณ์สามารถดูได้ในแท็บ สถานะ
หมายเหตุ: โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่า VOCOM II เชื่อมต่ออยู่กับ USB และพร้อมทำงาน
เปิดแอพพลิเคชั่นการกำหนดค่า VOCOM II และทำการกำหนดค่า WLAN ในการเปิดหน้า 'การกำหนดค่า WLAN' ของอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง คุณจำเป็นต้องทำขั้นตอนต่อไปนี้:
หมายเหตุ: WiFi-Direct เป็นคุณสมบัติสำหรับแพลตฟอร์มไคลเอนต์อื่น (เช่น Android) และไม่ควรใช้บนแพลตฟอร์ม Windows เนื่องจากยังไม่มีการสนับสนุนที่เหมาะสมในขณะนี้
หมายเหตุ: การเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่า WLAN จะสามารถทำได้หลังจากที่ได้เริ่มการทำงานของอุปกรณ์ใหม่แล้วเท่านั้น
หลังจากการกำหนดค่าชุดอินเตอร์เฟส VOCOM II WLAN และเริ่มการทำงานของอุปกรณ์ใหม่แล้ว ให้ถอดสาย USB ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VOCOM II ได้รับกำลังไฟฟ้าจากขั้วต่อ ECTA/OBD
เมื่อทำการเชื่อมต่อ WLAN สำเร็จแล้ว ความแรงของสัญญาณ WLAN จะแสดงโดยใช้แถบไฟ LED 4 แถบ
กิจกรรม WLAN RX/TX จะแสดงโดยการกะพริบไฟแสดงสถานะของ WLAN และสถานะการติดต่อสื่อสารของเครื่อง PC
ในหน้า 'การกำหนดค่า WLAN' ของแอพพลิเคชั่นการกำหนดค่า VOCOM II ให้เลือก โครงสร้างพื้นฐาน แล้วคลิกกล่องรายการแบบหล่นลง การตั้งค่าเครือข่าย การตั้งค่า 'โครงสร้างพื้นฐานของ WLAN' ในขณะนี้จะแสดงขึ้น
ป้อนชื่อของเครือข่าย WLAN ของคุณ (นั่นคือ SSID ของเครือข่ายที่มีอยู่แล้ว) ลงในช่องข้อมูล ชื่อ / SSID ของเครือข่าย ของหน้า 'การกำหนดค่าโครงสร้างพื้นฐานของ WLAN'
จากเมนู การเข้ารหัส และ การตรวจสอบความถูกต้อง ให้เลือกชุดของวิธีการเข้ารหัสและวิธีการตรวจสอบความถูกต้องของ WLAN ที่รองรับโดยของเครือข่ายของคุณ
การตั้งค่าเริ่มต้นคือ WPA+WPA2 / WPA-PSK สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องด้วยรหัสผ่านและการเข้ารหัส ซึ่งโดยปกติแล้วใช้สำหรับเครือข่ายไร้สาย "ส่วนบุคคล" โหมด 'โครงสร้างพื้นฐานของ WLAN' นี้โดยปกติเรียกว่า “WPA-Personal”
วิธีการตรวจสอบความถูกต้อง/การเข้ารหัสที่พร้อมใช้งาน/สามารถกำหนดค่าได้อื่นๆ สำหรับโหมด 'โครงสร้างพื้นฐานของ WLAN' คือ EAP-TLS และ EAP-PEAP ซึ่งเป็นการตรวจสอบความถูกต้องโดยใช้ใบรับรองโดยผ่านทางเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง ที่โดยปกติแล้วใช้สำหรับเครือข่ายของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โหมดโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ โดยปกติจะเรียกว่า “WPA Enterprise”
สำหรับโหมด WPA-Personal จะจำเป็นต้องตั้งค่าพารามิเตอร์เครือข่ายดังต่อไปนี้
ชื่อ / SSID ของเครือข่าย |
ชื่อ (SSID) ของเครือข่าย |
การเข้ารหัส |
ควรตั้งเป็น WPA + WPA2 |
การตรวจสอบความถูกต้อง |
จะต้องตั้งเป็น WPA-PSK |
รหัสผ่าน |
รหัสผ่านของเครือข่าย (รหัสที่แชร์ไว้ล่วงหน้า) |
สำหรับโหมด WPA-Enterprise จะจำเป็นต้องตั้งค่าพารามิเตอร์เครือข่ายดังต่อไปนี้
ชื่อ / SSID ของเครือข่าย |
ชื่อ (SSID) ของเครือข่าย |
การเข้ารหัส |
ควรตั้งเป็น WPA + WPA2 |
การตรวจสอบความถูกต้อง |
จะต้องตั้งเป็น EAP-TLS หรือ EAP-PEAP ถ้าจำเป็น ให้ถามผู้ดูแลระบบเครือข่ายของคุณว่าประเภทการตรวจสอบความถูกต้องของเครือข่ายของคุณรองรับคือประเภทใด |
ไฟล์ใบรับรอง |
ใบรับรองไคลเอนต์แบบเข้ารหัสในรูปแบบ PKCS12 |
รหัสผ่านของใบรับรอง |
รหัสผ่านสำหรับการถอดรหัสใบรับรองไคลเอนต์ ถ้าจำเป็นต้องใช้รหัสผ่านสำหรับใบรับรอง |
ชื่อผู้ใช้ |
ผู้ใช้ / ตัวตนที่ออกใบรับรองให้ |
หมายเหตุ: สำหรับการกำหนดค่า EAP-TLS ช่องข้อมูลรหัสผ่านของหน้า 'การตั้งค่าเครือข่าย' จะต้องว่างเปล่า
ในการอัพโหลดและติดตั้งใบรับรองไคลเอนต์ที่เลือกบน VOCOM II (ซึ่งจำเป็นต้องใช้ใบรับรองนี้สำหรับการตรวจสอบความถูกต้องในภายหลังบนเซิร์ฟเวอร์ Radius ของเครือข่าย) คลิกปุ่ม ใบรับรอง/ติดตั้ง
หลังจากการอัพเดตและการติดตั้งใบรับรองบน VOCOM II เป็นผลสำเร็จแล้ว ใบรับรองไคลเอนต์ที่ติดตั้งอยู่ในปัจจุบันจะแสดงรายการอยู่ในหน้า 'การตั้งค่าเครือข่าย'
การคลิกแถบรายการแบบหล่นลง การตั้งค่า IP จากภายในการตั้งค่า 'โครงสร้างพื้นฐานของ WLAN' จะเป็นการแสดงพารามิเตอร์การกำหนดค่าการกำหนดที่อยู่ IPv4 และ IPv6 สำหรับชุดอินเตอร์เฟส VOCOM II WLAN สำหรับการทำงานของโหมด 'โครงสร้างพื้นฐาน'
DHCP เป็นวิธีการกำหนดที่อยู่ IPv4 และ IPv6 เริ่มต้นในโหมด 'โครงสร้างพื้นฐานของ WLAN'
หมายเหตุ: เราเตอร์เครือข่ายของคุณจำเป็นต้องรองรับ DHCP ในกรณีนี้
ในกรณีของโปรโตคอล IPv4 จะมีตัวเลือกการกำหนดที่อยู่ IP ชุดที่สาม: APIPA (Automatic Private IP Addressing)
ในกรณีนี้ ชุดอินเตอร์เฟส VOCOM II WLAN จะได้รับการกำหนดที่อยู่ IPv4 แบบเชื่อมโยงภายในพื้นที่ จากช่วงที่อยู่ 169.254.x.x (ที่สำรองไว้)
การกำหนดที่อยู่ IP แบบใช้ APIPA ควรใช้สำหรับโหมด 'โครงสร้างพื้นฐานของ WLAN' เมื่อเราเตอร์เครือข่ายของคุณไม่รองรับ DHCP และคุณไม่ต้องการกำหนดที่อยู่ IPv4 แบบคงที่
หมายเหตุ: หลังจากเปลี่ยนการตั้งค่า WLAN ให้คลิก บันทึก แล้ว เริ่มการทำงานใหม่ เพื่อตั้งการกำหนดค่า WLAN ใหม่บนอุปกรณ์ VOCOM II และเพื่อเริ่มการทำงานของชุดอินเตอร์เฟส WLAN ด้วยการตั้งค่าใหม่
เมื่อ VOCOM II อยู่ในโหมด WLAN Direct VOCOM II จะสร้างเครือข่ายไร้สายของตัวเองที่คุณสามารถใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่อง PC ของคุณได้
หมายเหตุ: โหมด 'โดยตรง' สามารถรองรับได้เฉพาะช่วงความถี่ 2.4 GHz เท่านั้น
ในการกำหนดค่าชุดอินเตอร์เฟส VOCOM II WLAN สำหรับการทำงานของโหมด 'โดยตรง' คุณจำเป็นต้องทำขั้นตอนต่อไปนี้:
สำหรับโหมด 'WLAN โดยตรง' จะจำเป็นต้องตั้งค่าพารามิเตอร์ต่อไปนี้:
การตั้งค่าเครือข่าย
SSID |
ชื่อที่สามารถกำหนดโดยผู้ใช้ได้สำหรับเครือข่าย VOCOM II จะถูกสร้างขึ้น นี่เป็นชื่อที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะมองว่าเป็นชื่อเครือข่ายเมื่อทำการค้นหาเครือข่ายที่จะทำการเชื่อมต่อ |
SSID การกระจายสัญญาณ |
เปิดใช้งาน/ปิดใช้งานการกระจายสัญญาณ SSID ถ้าปิดใช้งานไว้ เครื่องคอมพิวเตอร์จะตรวจไม่พบเครือข่าย ซึ่งจำเป็นต้องป้อนชื่อ SSID ในแบบเมนนวล |
ช่องสัญญาณ |
ช่องสัญญาณ WLAN 2.4 GHz ที่จะใช้ |
ไคลเอนต์ |
พารามิเตอร์ที่เป็นตัวเลือก, จำนวนไคลเอนต์สูงสุด, 0 หมายถึง: ไม่จำกัด |
รหัสผ่าน |
รหัสผ่านที่ผู้ใช้กำหนดเองได้สำหรับเครือข่ายที่ VOCOM II สร้างขึ้น ควรใช้รหัสผ่านนี้เมื่อเชื่อมต่อเครื่อง PC เข้ากับเครือข่ายที่ VOCOM II สร้างขึ้น |
การตั้งค่า IP
การกำหนดค่าเครือข่าย IPv4 และ/หรือ IPv6
หมายเหตุ: หลังจากเปลี่ยนการตั้งค่า WLAN ให้คลิก บันทึก แล้ว เริ่มการทำงานใหม่ เพื่อตั้งการกำหนดค่า WLAN ใหม่บนอุปกรณ์ VOCOM II และเพื่อเริ่มการทำงานของชุดอินเตอร์เฟส WLAN ด้วยการตั้งค่าใหม่
ในการใช้ VOCOM I และ VOCOM II จำเป็นต้องมีไดรเวอร์ที่ต้องการที่เลือกไว้อย่างถูกต้องในการตั้งค่า TT:
หมายเหตุ: สำหรับการใช้ USB จะไม่จำเป็นต้องทำการกำหนดค่าใดๆ นอกเหนือจากการเลือกไดรเวอร์ที่ถูกต้อง
สำหรับการใช้ WLAN จะจำเป็นต้องใช้การกำหนดค่าเพิ่มเติมทั้งสำหรับอุปกรณ์ VOCOM I หรือ VOCOM II
การกำหนดค่า VOCOM I WLAN จะทำภายใน Tech Tool ดูบทที่ โหมด WLAN เมื่อมีการกำหนดอุปกรณ์ VOCOM I สำหรับ WLAN มากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ จะจำเป็นต้องเลือกอุปกรณ์ที่ถูกต้องไว้ เพื่อแจ้งให้แอพพลิเคชั่นทราบว่าจะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใด
การกำหนดค่า VOCOM II WLAN จะทำภายนอก Tech Tool โดยใช้แอพพลิเคชั่นการกำหนดค่า VOCOM II ดูบทที่ การตั้งค่า WLAN เมื่อมีการกำหนดอุปกรณ์ VOCOM II สำหรับ WLAN มากกว่าหนึ่งอุปกรณ์ จำเป็นต้องเลือกอุปกรณ์ที่ถูกต้องไว้เพื่อให้แอพพลิเคชั่นทราบว่าจะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใด